
เช็คให้ชัวร์ก่อนเริ่มต้นอาชีพ 'พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์"!
การขายของออนไลน์มีทั้งข้อดี-ข้อเสีย และหลากหลายช่องทางการขาย
คุณรู้หรือยังว่า สินค้าที่เราจะขายเหมาะที่จะขายที่ช่องทางไหน
1.รู้ข้อดี-ข้อเสียในการทำธุรกิจ "ขายของออนไลน์"

2.ช่องทางขายสินค้าonline มีที่ไหนบ้าง?
อย่างที่เกริ่นมาตอนต้นว่าในการขายของonline มีช่องทางการขายทั้งแบบ ขายใน digital platform หรือ ตลาดออนไลน์ (marketplace) คราวนี้มาดูกันว่ามันมีความแตกต่างกันอย่างไรกันคะ

อย่างที่เกริ่นมาตอนต้นว่าในการขายของonline มีช่องทางการขายทั้งแบบ ขายใน digital platform หรือ ตลาดออนไลน์ (marketplace) คราวนี้มาดูกันว่ามันมีความแตกต่างกันอย่างไรกันคะ
2.1 Digital platform
การดำเนินงานของธุรกิจโดยมีเทคโนโลยีดิจิทัล ที่ใช้โครงข่ายสังคมออนไลน์ เช่น Facebook,Instagram,Twitter tiktok ซึ่งถือวว่าเป็นช่องทางที่ง่ายและแพร่หลายที่สุดจาก Non-digital มาสู่ Platform Online นั่นเอง ซึ่ง Digital platform มีช่องทางการขาย ที่จะให้เราเปิดร้านออนไลน์และขายสินค้าได้ตามใจชอบ แต่การเลือกใช้ช่องทาง ก็เป็นอีกปัจจัยที่มีต่อผลต่อความสำเร็จของร้าน เพราะแต่ละช่องทางเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แตกต่างกัน ซึ่งขอยกตัวอย่างให้ทุกท่านมองภาพออก ดังนี้
ขายบนเพจ Facebook
เป็นช่องทางที่ง่ายที่สุด คนขายนิยมสูงสุด และก็เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเราได้มากที่สุดเช่นกัน เพราะสมัยนี้ใครๆก็เล่น Facebook กันดังนั้น ทำให้สินค้าเราเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายมาก ยิ่งปัจจุบัน Facebook เปิดให้ลงโฆษณา (Facebook Ads) ที่สามารถตั้งงบที่ใช้ลงโฆษณาและกำหนดกลุ่มเป้าหมายเองด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เปิดเพจขายของบน Facebook ยิ่งฮอตฮิตเข้าไปใหญ่ ทำให้คนกลายเป็นเศรษฐีมาแล้วมากมา
ขายบนเพจ Instagram
เป็นอีกช่องทางที่เริ่มนิยมเป็นอันดับถัดมา โดยจะเน้นการขายผ่านรูปภาพ ลงรายละเอียดได้ไม่มากเหมือน Facebook ดังนั้นหากจะขายผ่านช่องทางนี้ คุณต้องมีฝีมือในการถ่ายภาพสินค้าในระดับนึงเลยแหละถึงจะปัง แต่ถ้ายังฝีมือไม่เข้าขั้นก็ฝึกฝนกันได้นะคะ
ขายผ่าน LINE และ LINE OA
ช่องทางนี้ก็เป็นอีกช่องทางที่น่าสนใจและควรมี แต่นั่นต้องหลังจากที่คุณมีเพจ Facebook หรือ ร้านบน Instagram แล้วนะคะ เพราะช่องทางนี้เป็นช่องทางที่ร้านสามารถแชทตรงกับลูกค้าได้เลย ลูกค้าจะรู้สึกเหมือนได้คุยได้ทันที ร้านค้าส่วนใหญ่จึงใช้ช่องทางนี้ในการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าเก่า เช่น การอัปเดตสินค้าคอลเลคชั่นใหม่ โปรโมชั่นล่าสุด ฯลฯ
ขายผ่าน Twitter
ช่องทางนี้ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางขายของออนไลน์ที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะสินค้าพรีออเดอร์ ขายของออนไลน์บน Twitter จะไม่เหมือนกับเพจ Facebook ค่ะ เพราะลูกค้าที่อยู่ในแพล็ตฟอร์มนี้ชอบคอนเทนต์ที่สั้นเข้าใจง่าย อาจจะเกริ่นได้นิดหน่อยแต่ไม่ควรยาวเกินไป หรือ คอนเทนต์ประเภทแนะนำสินค้าที่ใช้ดีจนต้องบอกต่อ และถ้าเราขายสินค้าเกี่ยวกับอะไรอยู่ อยากได้กลุ่มเป้าหมายแบบไหน อย่าลืมใช้ # ประกอบด้วยนะคะ เช่น ถ้าเรารับพรีออเดอร์อัลบั้มศิลปินเกาหลี ก็อาจจะใช้แฮชแท็ค #ตลาดนัดบังทัน #ตลาดนัดNCT #พรีบั้ม ฯลฯ
ขายผ่าน Tiktok
ถือว่าเป็นช่องทางการขายที่กำลังมาแรง ติดกระแสเลยก็ว่าได้ เพราะเสน่ห์สำคัญของ TikTok ก็คือ “การเข้าถึงได้ง่าย” ซึ่งเราจะสังเกตเห็นว่าคลิปที่ถูกแชร์ใน TikTok ล้วนเกิดจากกล้องโทรศัพท์มือถือแทบทั้งสิ้น ผสมกับความเป็นตัวของตัวเอง โดยหลายๆ คลิปที่เป็นกระแสและได้รับความนิยมก็ล้วนแล้วแต่มีcontentที่น่าสนใจ ดังนั้นการทำการตลาดบน TikTok คุณไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอุปกรณ์สุดล้ำอะไรเลย เพียงแค่กล้องจากโทรศัพท์มือถือและความเป็นตัวของตัวเองที่จะเชื่อมโยงไปสู่แบรนด์แค่ 2 สิ่งนี้เท่านั้นคุณก็สามารถสร้างคอนเทนต์ดี ๆที่จะดึงดูดลูกค้าให้รู้จักแบรนด์ได้แล้ว ลักษณะเด่นอีกประการของ TikTok คือเป็นแอพพลิเคชั่นที่มุ่งไปที่การมีส่วนร่วมของผู้ใช้งานโดยมี “แฮชแท็ก” เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างการมีส่วนร่วมนี้ ดังนั้นคุณแทบไม่ต้องเสียเวลาในการสร้างหรือคิดเนื้อหาใหม่ ๆที่แปลกไปจากเดิมในการสร้างคอนเทนต์เลย ซึ่งช่องทางที่กล่าวมาทั้งหมด ล้วนเป็นช่องทางการโฆษณา ที่เราสามารถทำโฆษณาโปรโมท และมีการจ่ายเงินค่าโฆษณาให้กับช่องทางนั้น ๆ โดยโฆษณาออนไลน์จะมีการเชื่อมโยงกับช่องทางการขายของเรา ตัวอย่างเช่น การลงโฆษณาผ่าน Social Media อย่าง Facebook Ads, Youtube Ads, การลงโฆษณาบน Marketplace หรือการลงโฆษณาผ่าน Google ด้วย Google Text Ads และ Google Shopping Ads

2.1 Digital platform
การขายใน Marketplace ผู้ขายไม่ต้องสร้างร้านค้าออนไลน์เอง เพราะ Marketplace มีรูปแบบสำเร็จไว้ให้ครบตามที่ร้านค้าควรจะมี ฝั่งผู้ซื้อก็สามารถไปค้นหาข้อมูลสินค้าได้ง่ายและรวดเร็ว มีระบบจัดหมวดหมู่สินค้าให้ง่ายต่อการค้นหา และยังมี แอปฯ มากมายที่เข้าถึงได้จากโทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ช่วยให้การซื้อขายสินค้าทำได้ง่าย ซึ่งถือเป็นการเพิ่มช่องทางในการขายสินค้า ระบบจะดึงสินค้าทั้งหมดที่ลงประกาศขายบนหน้าเว็บไซต์ไปแสดงเป็นรายการสินค้าบน Facebook Fanpage ของร้านคุณทันที เพียงผู้ใช้งานมี Facebook Fanpage และทำการเชื่อมต่อเข้ากับเว็บไซต์ ทำให้ผู้ที่เข้ามาชมสามารถเห็นสินค้าของคุณทุกชิ้นได้อย่างง่ายดาย เชื่อมต่ออัตโนมัติแบบไม่ต้องลงสินค้าซ้ำซ้อน ซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มช่องทางในการขายสินค้าได้อีกทางหนึ่ง Marketplace ยอดฮิตในไทย กลายเป็นช่องทางการขายที่จำเป็นต้องมีของหลายๆแบรนด์ เนื่องจากสามารถดึงดูดผู้ซื้อเป็นจำนวนมากเพราะมีสินค้าให้เลือกมากมาย หลายที่ให้สิทธิพิเศษ เช่น โค้ดลดราคาสินค้า บริการจัดส่งฟรี แทบทุกเดือน ถือว่าช่องทางการขายที่แข่งขันดุเดือดไม่แพ้ช่องทาง offline อย่างไรก็ตาม แม้ Marketplace จะมีลูกค้าเข้ามาก แต่ผู้ขายก็ควรเลือก Marketplace ที่เหมาะกับประเภทสินค้าของตน และให้ตรงกับรสนิยมคนเข้า Marketplace แห่งนั้นด้วยซึ่งขอยกตัวอย่างช่องทางการขายในโลกของ Marketplace ดังนี้
Lazada
ถือเป็นแพลตฟอร์ม Marketplace ออนไลน์ เจ้าแรก ๆ ที่เข้ามาตีตลาดในไทย ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งด้วยการมุ่งมั่นที่จะเป็นจุดหมายปลายทาง ให้มีทุกสิ่งที่ใจค้นหา ตามสโลแกนล่าสุด โดยการเชื่อมต่อกับคลังสินค้าหลายล้านรายการ ไม่ว่าจะในประเทศจีนหรือในประเทศไทย พร้อมกับการพัฒนาศักยภาพผู้ขายไปแบบควบคู่กัน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแคมเปญส่งเสริมการขาย ให้ร้านค้าเข้าร่วมบ่อย ๆ นอกจากนี้ Lazada ยังจะมีการนำเทคโนโลยีของอาลีบาบา กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ เข้ามาปรับใช้ในประเทศไทยด้วย ทำให้ผู้ค้าสามารถเข้าถึง Marketing Insight และ Data Solutions ช่วยให้วิเคราะห์ถึงความต้องการของผู้บริโภคแบบเรียลไทม์ เพื่อการสร้างยอดขายอย่างมีประสิทธิภาพ จึงถือว่าเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสำหรับคนอยากจะเริ่มต้นค้าขายและประสบความสำเร็จบนโลกออนไลน์อย่างแท้จริง
Shopee
ก่อตั้งโดย Forrest Li มีผู้ดูแลคือบริษัท Garena เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์ที่เน้นกลุ่มลูกค้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เช่นเดียวกับ Lazada แต่เน้นการใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือมากกว่า สิ่งที่โดดเด่นของ Shopee คือ มีระบบ LiveChat ที่ทำให้ผู้ซื้อสามารถแชทติดต่อกับผู้ขายได้โดยตรง และมีการแจกโค้ดส่วนลดหรือจัดแคมเปญแจก Coin ที่ใช้เป็นส่วนลดอยู่เป็นประจำ
JD Central
เป็น Marketplace ที่เกิดจากความร่วมมือของ JD.com และ Central Group ซึ่ง JD.com ก่อตั้งโดย ริชาร์ด หลิว แรกเริ่มเป็นร้านขายอุปกรณ์ ก่อนที่จะตั้งเป็นร้านค้าออนไลน์เมื่อปี พ.ศ. 2547 และเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซที่เติบโตเร็วที่สุดในจีน จุดเด่นของ JD Central คือมีการันตีแบรนด์สินค้าว่าเป็นของแท้
ส่วนท่านใดที่กำลังมองหาสินค้าเพื่อไปจำหน่าย แต่ยังไม่อยากลงทุน ลองดูช่องทางการเป็นตัวแทนจำหน่าย หรือ ดรอปชิบ ( Dropship ) โดยที่ไม่ต้องลงทุน เป็นตัวแทนจำหน่ายที่ไม่ต้องสต๊อกสินค้า อย่าลืมคิดถึง Jbuynow เรายินดีเปิดรับตัวแทนจำหน่าย โดยที่คุณไม่ต้องสต๊อกสินค้า ซึ่งเรามีสินค้าที่ให้ผู้มาทำ Drophsipในไทย ไม่ต้องยุ่งยาก นำเข้าของเข้ามาขายเอง หรือแบกรับต้นทุนต่างๆ ทำ DROPHSIP ที่ JBUYNOW ดีอย่างไร JBUYNOW มีการนำเข้าสินค้าทั้งจากประเทศจีนสินค้าญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ ซึ่งสินค้าที่นำเข้ามามีมากมายหลายหมวด อาทิ เฟอร์นิเจอร์ หลากสไตล์ ทั้งเฟอร์นิเจอร์มินิมอล เฟอร์นิเจอร์สไตล์ญี่ปุ่น เช่น โซฟา โต๊ะกินข้าว เก้าอี้ ชั้นวางสินค้า ของใช้ในบ้าน หรือแม้แต่ของตกแต่งบ้านเก๋ๆ ฯลฯ และยังมี อุปกรณ์กีฬา ของใช้สัตว์เลี้ยง เครื่องมือช่าง เครื่องทุ่นแรง หากสนใจสามารถขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลย เรายินดีให้บริการ JBUYNOW คุ้มค่าเกินราคา